สื่อบันเทิงในปัจจุบันนั้น มีหลากหลายอาชีพที่ทำงานในวงการนี้ ซึ่งในวันนี้เราจะพาทุกๆ ท่านไปลองสำรวจเกี่ยวกับ “4 อาชีพที่เกี่ยวกับสื่อบันเทิง” ที่น่าสนใจและบางอาชีพก็กำลังมาแรงในปัจจุบันมากๆ เลยครับ จะมีอาชีพไหนบ้างนั้น…เราไปชมกันดีกว่าครับ

 แนะนำ 4 อาชีพเกี่ยวกับสื่อบันเทิงที่น่าสนใจ

●ดารานักแสดง

ดารานักแสดง คือ บุคคลที่ประกอบอาชีพเป็นผู้แสดง เช่น ศิลปิน, นักรำ, นักเต้น, นักดนตรี ซึ่งแสดง ท่าทาง ร้องกล่าว พากย์ แสดงตามบทเพื่อเผยแพร่ต่อผู้ชม และอื่นอื่น ซึ่งเป็นผู้มีลิขสิทธิ์ตามหลักทั่วไป กล่าวคือ เป็นผู้ที่ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์งานขึ้นมา

●นักร้อง นักดนตรี

นักร้อง คือบุคคลที่ขายเสียงและขายบริการเสียง และร้องเพลงเป็นอาชีพ นักร้องมีหลากหลายแบบ ตามแนวเพลง นักร้องที่ดีจะมีเสียงที่ไพเราะเป็นจุดดึงดูดให้ผู้ฟังเพลงได้เพลิดเพลินไปกับเสียงเพลง ซึ่งประเภทของเพลง ทำให้แยกประเภทของนักร้องได้ เช่น อคูสติก ป๊อป ร็อค แจ๊ส เบส เป็นต้น

●อินฟลูเอนเซอร์

อินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) คือ บุคคลที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกใช้หรือบริโภคสินค้าของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งซึ่งมักถูกเรียกว่ากลุ่มผู้ติดตาม (Follower) ซึ่งให้ความสนใจติดตามอินฟลูเอนเซอร์ด้วยปัจจัยต่างๆ เช่น ความมีชื่อเสียง ความรู้ ความสามารถ ตำแหน่งหน้าที่หรือความสัมพันธ์ในรูปแบบอื่นๆ ระหว่างตัวอินฟลูเอนเซอร์กับกลุ่มผู้ติดตาม เป็นต้น ในปัจจุบันอินฟลูเอนเซอร์มักเป็นบุคคลที่มีตัวตนอยู่ในสังคมออนไลน์ เนื่องจากสามารถสื่อสารข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย และสะดวกต่อการขยายฐานผู้ติดตาม

●พิธีกร MC

MC ย่อมาจากคำว่า Master of Ceremonies คือผู้ดำเนินงานหรือพิธีกรนั่นเอง สามารถแบ่งได้เป็นสองประเภท ประเภทแรกคือ พิธีกรอาชีพ คอยดำเนินรายการบนเวที และในอีเว้นต์ต่างๆ ประเภทที่สองคือ MC Pretty มีหน้าที่พูดดึงดูดลูกค้า แนะนำสินค้าหรือบริการออกไมค์ ให้ความรู้เกี่ยวกับสินค้าได้ สำหรับใครที่ช่างพูด ใช้ภาษาได้ดี

รู้จักกับการเป็น Influencer ที่ดีและเหมาะสม

–           ต้องมีความน่าเชื่อถือ

–           ต้องมีความรอบรู้ในเรื่องที่พูด

–           มีศิลปะการสื่อสารที่ดี เข้าใจง่าย

–           มีความเข้าใจผู้ฟังและมีวินัยและไม่มีเรื่องเสียๆหายๆ

Influencer ถือเป็นบุคคลต้นแบบ (Role Model) และผู้นำทางความคิด (Opinion Leader) ที่ต้องมีความน่าเชื่อถือและรู้ในสิ่งที่ตัวเองสื่อสารได้เป็นอย่างดี และด้วยความที่เป็นต้นแบบที่มีคนติดตามเป็นจำนวนมาก ก็ต้องเป็นคนที่ทำในสิ่งดีๆไม่มีเรื่องเสียหายเกิดขึ้น ไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็นผลกระทบเชิงลบจนถึงขั้นไม่มีผู้ติดตามหรืออาจโดนเลิกจ้างงานต่างๆเลยก็ได้

การตลาดแบบ Influencer ที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน

การตลาดแบบอินฟลูเอนเซอร์ คือความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับอินฟลูเอนเซอร์ในการร่วมมือกันสร้างอิทธิพลทางความคิดและตัดสินใจต่อกลุ่มเป้าหมายของแต่ละธุรกิจ เป้าหมายคือ เพื่อส่งเสริมธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ หรือบริการผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งอาจรวมถึงบัญชีโซเชียลมีเดีย vlog และบล็อกต่างๆ ซึ่งทางอินฟลูเอนเซอร์ จะเป็นผู้ที่สร้างการติดตามทางออนไลน์ได้อย่างสม่ำเสมอและมีผู้ติดตามจำนวนมากบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเนื่องจากชื่อเสียง ความรู้ ความเชี่ยวชาญ หรือมุมมองที่ไม่เหมือนใคร ผู้มีอิทธิพลทางความคิดและการตัดสินใจเหล่านี้จะสามารถดึงดูดความสนใจจากผู้คนได้อย่างกว้างขวางและเกิดพื้นที่ทางการตลาดหรือประชาสัมพันธ์มากขึ้นเลยหล่ะครับ จึงทำให้การใช้งาน อินฟลูเอนเซอร์เป็นอะไรที่เหมาะสมในยุคปัจจุบันมากๆ เลยครับ

การจะจ้าง Influencer ต้องดูอะไรบ้าง?

►เลือกคนให้เหมาะสมกับแบรนด์

ให้ระวังการใช้งานคนที่อาจไม่เหมาะสมกับแบรนด์ ทั้งในด้านของ Character และในด้านของภาพลักษณ์ บางทีอาจต้องมองล่วงหน้าสักนิดว่า ณ เวลานั้นมีสัญญานอะไรที่อาจจะส่งผลต่อภาพลักษณ์หรือไม่ในจังหวะที่แบรนด์ใช้งานพอดี การตัดสินใจในช่วงเวลานี้ถือว่าสำคัญมาก    ๆ เลยหล่ะครับ

►ลง Social อะไรบ้าง

ควรตกลงให้ชัดเจนตามราคา ทุกท่านจะเห็นได้เลยว่าคนติดตาม Influencer คนนี้มีผู้ติดตามอยู่หลาย Platform และแต่ละ Platform ก็มีคนติดตามอยู่มาก ซึ่งเห็นราคาแล้วคิดว่าน่าจะคุ้มค่ามากๆ แต่ก็ต้องเจรจาให้ดีๆ บางทีอาจไม่ได้ลงให้ทั้งหมดนะ อาจจะได้แค่ Platform เดียว อันนี้ต้องคุยกันให้ชัดเจนก่อนเริ่มงานนะครับ

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับข้อมลเกี่ยวกับ “รู้จักกับ 4 อาชีพที่เกี่ยวกับสื่อบันเทิง” ที่เราได้รวบรวมมาฝากทุกๆ ท่านกันในบทความข้างต้นนี้กันครับ คิดว่าน่าจะเป็นความรู้ติดตัวที่ดีกันนะ

ปัจจุบัน วงการบันเทิงและภาพยนตร์ซีรี่ส์นั้น หันเหมาฉายผ่านทางระบบ “Streaming”  กันมากขึ้นแล้ว เนื่องด้วยจากเทรนด์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากช่วงโรถระบาดอย่างโควิด-19 ผ่านมา ยิ่งทำให้หลายๆ ท่านเลือกใช้บริการเหล่านี้ในการสร้างความสุขสนุกสนานในช่วงเวลาพักกันอย่างล้นหลามเลยล่ะครับ ซึ่งปัจจุบันมีหลากหลายเจ้าเลยทีเดียว วันนี้เราเลยอยากจะมาพาทุกๆ ท่านไปรู้จักกับ “4 Streaming เจ้ายักษ์” ที่น่าสนใจและน่าใช้งานกันครับ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น…เราไปชมกันดีกว่าครับผม

NETFLIX

“Netflix” ธุรกิจวิดีโอสตรีมมิ่งภายใต้บริษัท Netflix, Inc. (NFLX.US)

ถ้าพูดถึงธุรกิจวิดีโอสตรีมมิ่งก็คงจะขาดชื่อนี้ไปไม่ได้ “Netflix” ผู้ให้บริการวิดีโอสตรีมมิ่งชั้นนำที่ให้บริการกระจายกว่า 190 ประเทศ โดยคอนเทนต์ซีรี่ย์และภาพยนตร์ที่นำมาฉาย จะเปลี่ยนไปตามความชอบของลูกค้าแต่ละคน ซึ่ง Netflix ก่อตั้งโดย Reed Hasting และ Marc Randolph ในเมือง Scott Valley รัฐแคลิฟลอเนียร์ ทั้งสองเริ่มต้นธุรกิจจากการเป็นบริษัทให้เช่าแผ่น DVD (ยังคงดำเนินมาถึงปัจจุบัน) โดยธุรกิจที่สร้างรายได้ให้กับ Netflix ในทุกวันนี้คือไม่ได้มีเพียงแค่ธุรกิจวิดีโอสตรีมมิ่ง แต่ยังมีธุรกิจให้เช่า DVD ด้วยเช่นกัน ถึงแม้นจะมีสัดส่วนที่น้อยมาก

HBO GO, HBO Max

“HBO Max” ธุรกิจวิดีโอสตรีมมิ่งภายใต้บริษัท AT&T Inc. (T.US)

 HBO MAX เป็นธุรกิจวิดีโอสตรีมมิ่งที่ AT&T เป็นเจ้าของ โดยอยู่ภายใต้การดูแลและบริหารงานของบริษัท Warner Media หนึ่งในบริษัทย่อยของ AT&T โดยเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งล่าสุดที่มีการเปิดตัวในเดือนพ.ค. ปี 2563 ซึ่งในปัจจุบันเปิดให้บริการเพียงแค่ในประเทศสหรัฐฯ, ประเทศแถบละตินอเมริกา และล่าสุดในกลุ่มประเทศเขตทะเลแคริเบียน หรือทางตะวันออกเฉียงใต้ของเม็กซิโกเท่านั้น อีกทั้งยังมีแพลนที่จะเปิดให้บริการในยุโรปและเอเชียในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 อีกด้วย โดยจุดเด่นของ HBO Max คือ ลิขสิทธิ์จักรวาล DC ที่มีแฟนคลับจำนวนมมาก อย่าง ซุปเปอร์แมน แบทแมน ฯลฯ มองดูแล้ว HBO Max ที่เป็นเจ้าของคอนเทนต์ DC ก็นับได้ว่าเป็นคู่แข่งที่ชัดเจนกับ Disney + เจ้าของคอนเทนต์ Marvels ด้วยเหมือนกัน ศึกวิดีโอสตรีมมิ่งดูจะร้อนแรงมากในปัจจุบัน แต่อย่าลืมว่า ธุรกิจหลักของ AT&T ไม่ใช่ธุรกิจวิดีโอสตรีมมิ่งแต่เป็นธุรกิจให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์อันดับต้น ๆ ของสหรัฐฯ (คล้าย AIS บ้านเรา แต่มีมูลค่าบริษัท คำนวณจาก Market Capitalization ที่มีขนาดใหญ่กว่าราว 13 เท่า)

Disney plus

“Disney Plus” ธุรกิจวิดีโอสตรีมมิ่งภายใต้บริษัท The Walt Disney Company (DIS.US)

Disney+ ธุรกิจวิดีโอสตรีมมิ่งชื่อดังจากบริษัทการ์ตูนในฝันของใครหลาย ๆ คน ที่ล่าสุดมีการเปิดตัวในประเทศไทยจนกลายเป็นกระแสที่หลายคนต้องสมัครสมาชิก เป็นของตัวเองเลยทีเดียว โดยจุดที่โดดเด่นของสตรีมมิ่งชื่อดังนี้คือ ภาพยนตร์และซีรี่ย์จาก Walt Disney Studio, Walt Disney Television และบริษัทในเครือของ Disney ได้แก่ Disney, Pixar, Marvel, Star War, 20th Century Fox และ National Geographic โดยในปัจจุบัน Disney + กำลังมีการขยายพื้นที่ให้บริการไปทั่วโลก

Prime video

Prime Video คือผู้ให้บริการสตรีมมิ่งในเครือ Amazon

Prime Video คือผู้ให้บริการสตรีมมิ่งในเครือ Amazon โดยเนื้อหาภายในก็จะให้บริการสตรีมมิ่งคอนเทนต์ทั้งในและต่างประเทศ มีทั้งหนัง, ซีรีย์ชื่อดังต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น The Boys, 007 ครบทุกภาค, Modern Love the lord of the ring และภาพยนตร์ซีรี่ส์ดังๆ อีกมายมายรอให้ทุกๆ ท่านไปเข้าไปสัมผัสรับชมกันครับ

และนี้ก็คือข้อมูลเกี่ยวกับ “4 Streaming เจ้ายักษ์” ที่เราได้นำมากฝากทุกๆ ท่านกันในบทความข้างต้นนี้ คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกๆ ท่านที่กำลังมองหาแอฟสตรีมมิ่งที่ถูกใจกันอยู่นะครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกๆ ท่านไม่มากก้น้อยกันนะครับ

หากกล่าวถึงการดูหนังแล้วนั้น ก็มีมากมายหลายแบบที่ได้สรรสร้างขึ้นมาให้เราบรรดาผู้ชมได้เลือกรับชมกันตามจริตความชอบ ซึ่งในวันนี้เราอยากจะขอพาทุกๆ ท่านดิ่งเข้าสู่ “หนังสงคราม” ที่น่าสนใจกันกับ “4 หนังสงครามขึ้นหิ้ง” ที่คิดท่านผู้อ่านที่แวะเวียนเข้ามาควรที่จะไปหามารับชมกันสักครั้งในชีวิตครับ จะมีเรื่องไหนบ้างนั้น…เราไปรอชมกันเลยดีกว่าครับ

ไขข้อสงสัยว่า “ทำไมคนชอบหนังสงคราม”

เรียกได้ว่าเป็นความบันเทิงและเรื่องธรรมชาติของมนุษย์อยู่แล้ว ที่ชอบความรุนแรง ต่อสู้รบราฆ่าฟันกันต่างๆ ที่ต่างฝ่ายต่างมีเรื่องราวให้ออกมาปกป้องหรือมีแผนที่จะทำการใหญ่ต่างๆ มากมายแต่นอกจากความสนุกสุดมันหรือความหดหู่ที่จะพาท่านผู้ชมได้สัมผัสกับความโหดหร้ายของสงครามแล้วนั้น หนังสงครามให้ข้อคิด. ต่างฝ่าย ต่างสูญเสีย.  คุณธรรมของคนที่เป็นหัวหน้ากันอีกด้วยครับ

แนะนำ 4 หนังสงครามน่ารับชม

1. Black hawk down

เป็นเรื่องราวช่วงสงครามที่ สหรัฐส่งกองกำลังพิเศษเข้าไปในโซมาเลีย เพื่อลำเลียงอาหารและ.ให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชน ที่กำลังอดอยากโดยใช้เฮลิคอปเตอร์ Black Hawk แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำถูกยิงโดยกองกำลังของโซมาเลีย ทำให้เหล่าทหาร ที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ตก ต้องพยายามดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตรอดภายใต้สถานการณ์ที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน พวกเขาจะทำอย่างไร จะรอดออกมาได้หรือไม่ ทุกๆ ท่านต้องเอาใจช่วยกันด้วยตนเองแล้วหล่ะครับ

2. 13 Hours: The Secret Soldiers of Benghazi

เรื่องราวของเจ้าหน้าที่ 6 นาย ซึ่งพยายามต่อสู้เพื่อปกป้องรักษาชีวิตของเจ้าหน้าที่ประจำสถานทูตอเมริกัน ในเบนกาซี ประเทศลิเบีย ในปี 2012 ครบรอบ 11 ปี จากการโจมตีของผู้ก่อการร้ายในช่วงเหตุการณ์วินาศกรรม 11 กันยายน 2001 หนังเรื่องสร้างโดนผู้กำกับหนังแอคชั่นที่ชึ้นชื่อว่า “ระเบิดภูเขา เผากระท่อมแห่งวงการฮอลลีวู้ดอย่าง ไมเคิล เบย์” ย่อมมีฉากการต่อสู้ที่สนุกดุเดือดอย่างแน่นอนครับ ต้องไปหามารับชมกันแล้วหล่ะครับ

3. Pearl Harbor

ตัวหนังจะพาทุกๆ ท่านไปร่วมผจญเหตุการณ์ต่างๆกับ สองนักบินหนุ่มคนกล้า ราฟ แม็คคอว์ลีย์ (เบน แอฟเฟล็ค) และ แดนนี่ วอล์คเกอร์ (จอช ฮาร์ทเน็ตต์) ซึ่งเติบโตสนิทสนมกันราวกับเป็นพี่น้อง พวกเขาได้รับการฝึกฝน ให้ขับเครื่องบินกำจัดแมลงศัตรูพืช และในยามที่ชาติต้องการ พวกเขาก็พร้อมเข้าร่วมเป็นนักบิน ประจำกองทัพอากาศสหรัฐฯ ราฟหลงรัก เอเวลีน จอห์นสัน (เคท เบคคินเซล) นางพยาบาลสาวสวยจิตใจห้าวหาญ ที่ทำงานในกองทัพเรือสหรัฐฯ ทันทีที่ราฟได้รู้จักกับเอเวลีน เขาก็ตกหลุมรักเธอเข้าอย่างจัง แต่ข้างฝ่ายเอเวลีน กลับไม่แน่ใจว่าเขารักเธอจริงหรือไม่ เรื่องราวจะดำเนินไปอย่างไรต่อต้องไปรับชมกันแล้วหล่ะครับ

4. Dunkirk

ภาพยนตร์ที่สร้างจากเหตุการณ์จริงสมัยสงครามโลก โดยจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นเหตุการณ์ที่ทั่วโลกต้องจารึกและถูกนำมาสร้างเป็นหนังอยู่บ่อยครั้ง แต่ถึงแม้จะถูกเอามาสร้างเป็นหนังออกมาหลากหลายมุมมอง หลากหลายเรื่อง แต่ไม่ว่ายังไงมันก็ยังสร้างความช็อคให้กับคนดูได้อยู่ดี ‘คริสโตเฟอร์ โนแลน’ สร้างหนังเรื่องนี้ออกมาได้เรียบง่ายสุดๆ เล่าผ่านเส้นเรื่องที่จริงใจ ไม่ได้เติมแต่งหรือพยายามขยี้อารมณ์คนดูให้รู้สึกหดหู่ แต่ยิ่งทุกอย่างมันราบเรียบไปหมดเราเลยยิ่งเกิดความกดดัน เราไม่รู้เลยว่าจะเจอกับอะไรบ้างในหนังเรื่องนี้ เหมือนเราถูกพาเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ หน้าที่ของคนดูคือการเผชิญไปกับตัวละครในสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งเป็นอะไรที่น่าสนใจและติดตามเอามากๆ เลยครับ

และนี้ก็คือข้อมูลเกี่ยวกับ “4 หนังสงครามขึ้นหิ้ง” ที่มีทั้งฉายมานานแล้วกับพึ่งไม่กี่ปีแต่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพที่เราได้นำมาแนะนำทุกๆ ท่านกัน หวังว่าจะชอบกันนะครับ